Social Icons

วันอังคารที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

บทขออโหสิกรรม

          บทขออโหสิกรรม

          วันนี้เป็นวันที่อยากเขียนเรื่องของ "กรรม" พอดีว่าได้ยินเรื่อง "กรรม"  "การตัดเวรตัดกรรม" อะไรทำนองนี้ 

          พอดีพึ่งกลับมาจากการปฏิบัติกรรมฐานจากวัดอัมพวัน หลวงพ่อจรัญ จังหวัดสิงห์บุรี ตอนที่เข้าไปทางวัดเขาแจกหนังสือ ระเบียบปฏิบัติสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ก็เริ่มเปิดอ่านตั้งแต่หน้าแรกเลย เพื่อให้เข้าใจวิธีการปฏิบัติกรรมฐาน 

          เราคัดลองบางส่วนมาจากในหนังสือ ระเบียบปฏิบัติสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม วัดอัมพวัน หลวงพ่อจรัญ จังหวัดสิงห์บุรี ในหน้าพิเศษ ๑ ของสำนักพิมพ์ วิริยะ ดังนั้น หากใครมีความศรัทธาก็ลองนำไปใช้ดูนะ ไม่เสียหายอะไร ส่วนตัวเราลองใช้บทนี้แล้วก็ไม่เสียหายอะไร แล้วก็คิดเอาเอง ไม่เกี่ยวกับใครว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับผู้อื่นด้วยก็เลยตัดสินใจนำมาลงเลย 

          เอาละ เริ่มเลยละกัน

          ข้าพเจ้า (ชื่อ-สกุล) ขออโหสิกรรม ขอตัดเวรตัดกรรมกับเจ้ากรรมนายเวร คู่กรรมคู่เวร ศัตรูหมู่มาร ทุกชาติภพ ทั้งอดีต และปัจจุบัน ข้าพเจ้าขอชดใช้หนี้ โดยขอเอาบุญกุศลชดใช้หนี้แทน สาธุ อนุโมทนามิ ตัดเวร ตัดกรรม ตัดชาติ ตัดภพ ให้ขาดซึ่งกันและกัน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  ขอให้จากศัตรูมาเป็นมิตร จากมิตรเป็นผู้อุปถัมภ์ จากร้ายกลายเป็นดี ชาติหนึ่ง ภพใดขอให้ได้สร้างแต่กรรมดี ขอให้แม่พระธรณีเป็นสักขีพยาน ขอให้ทุกคน ทุกญาณ ทุกตน ทุกชีวิต ทุกดวงวิญญาณ จงเป็นสุข จงเป็นสุข จงเป็นสุขเถิด สาธุ อนุโมทนามิ

          ลองนำไปใช้กันดูนะ บทขออโหสิกรรมทุกบท ของทุกสำนัก ทุกอาจารย์ ดีทั้งหมดแหละ ไม่มีของใครไม่ดี หรือไม่มีของใครดีกว่าใคร แต่อยู่ที่ความศรัทธาในการสำนึกผิดต่อความผิดทั้งหลายที่ตนได้กระทำ พร้อมทั้งมีจิตศรัทธาในการตั้งใจสร้างความดีอย่างแรงกล้า แค่นี้ ก็ดีสุดยอดแล้วละ

         ขอให้ทุกคนมีความสุขในการสร้างความดี และเป็นคนดีนะ

          

วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

เรื่อง....พระประจำวันเกิด

          
พระประจำวัน


          ต้องเข้าใจก่อนว่า ประเทศไทยมีประชาชนในประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ มากถึง 85 เปอร์เซ็น ของประชาชนทั้งหมดในประเทศ ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่จึงนิยมที่จะไหว้พระสวดมนต์กัน ตามธรรมเนียมปฏิบัติของศาสนาพุทธ

          เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไหว้พระสวดมนต์ เหมือนชาวพุทธอื่นๆ ทั่วไป แต่แค่วันหนึ่ง มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งมาทัก บอกกล่าวเราว่า "เฮง เราเกิดวัน.....ต้องไหว้พระ.........นี้นะถึงจะดี ถึงจะเป็นมงคลของชีวิต" เราก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไม เกิดวันนี้ต้องไหว้พระแบบนี้ วันนั้นต้องแบบนั้น แล้วทำไมเราเป็นชาวพุทธต้องแบ่งแยกด้วยหรอว่า ต้องไห้วพระ......นี้เท่านั้น

          คำถามมากมายมันออกมาอย่างพรั่งพรูในสมอง ในความคิดของเรา แต่เราก็ไม่ได้ถามผู้ใหญ่ท่านนั้นหรอกนะว่า "ทำไม" เราก็เก็บความสงสัยมาตลอด แล้วก็เริ่มมาลองทำดูบ้าง ค้นคว้าบ้าง สอบถามจากผู้รู้บ้าง แต่คำตอบที่ได้มาส่วนใหญ่จะเหมือนกันคือ มันเป็นพระประจำวันเกิด เกิดวันไหนก็ต้องไหว้วันนั้น เหมือนเราเคารพบูชาผู้ใหญ่นะ ท่านจะได้เอ็นดูเรา ช่วยเหลือเรา 

          เอาล่ะสิ พอได้ยินคำตอบแบบนี้ สไตล์นี้มากๆ เข้าเลยเกิดความสงสัยขึ้นต่อว่า "ถ้าเปรียบพระประจำวันเกิดเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ งั้นอย่างนี้ ก็แสดงว่า ไม่ต้องเคารพผู้ใหญ่ท่านอื่นเลยสิ ก็ไม่ได้ไห้วท่านอ่ะ แล้วท่านจะช่วยเราไหม หากวันนั้นพระประจำวันเกิดของเราท่านไม่ว่าง หรือติดธุระช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ 

          เราก็เอาความคิดเราทั้งหมด ไปเล่า ปรึกษาเพื่อนสนิทของเรา เพื่อนเราบอกว่า เราคิดขวางโลก เราถามว่า เราขวางโลกยังไง เพื่อนตอบว่า ก็คิดไม่เหมือนคนอื่นไง

          เราคิดไม่เหมือนคนอื่น เราเลยถูกมองว่าเป็นคนขวางโลก เราแค่คิดว่า

          หากเราคิดจะทำความดี แล้วนั้น ทำไมเราต้องเลือกที่จะปฏิบัติ ในเมื่อพระประจำวันเกิดทุกองค์ดีหมด ทำไมเราไม่ไห้วซะให้ครบทุกองค์ ทุกวัน ไหนๆ ก็ต้องไหว้แล้ว ไหว้เพิ่มอีกแค่ ๗ องค์ จะไปเหนื่อยยากอะไร

          การทำความดีไม่เห็นต้องเลือกทำ เลือกปฏิบัติ การทำความดีนั้น หากเพียงแต่เรา คิดที่ทำในสิ่งที่ดี มันก็ดีไม่ใช่หรอ

          เราถามเพื่อนเราต่อว่า ถ้าอย่างนั้นสมมุติว่า เธอต้องไปรับพ่อ ที่งานเลี้ยงแห่งหนึ่ง เมื่อเธอไปถึงเธอก็เห็นพ่อยืนคุยอยู่กับเพื่อนของเขา เธอเดินไปสวัสดีพ่อของเธอ แล้วเธอจะไม่ยกมือไหว้สวัสดีเพื่อนของพ่อเธออีก ๖ คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นหรอ  เธอตอบว่า "ได้ไง ต้องไหว้สิ ไม่งั้นเสียมารยาทตายเลย" เราเลยถามต่อว่า "งั้นพระประจำวันที่ประดิษฐานติดกันอีก ๗ องค์ ทำไมเธอถึงไม่ไหว้ไปด้วยกันเลยล่ะ ไม่เสียมารยาทหรอ"

          หากความคิดแบบนี้ คือคนขวางโลก ก็ขอเป็นคนขวางโลกต่อไป !!!!!!!


          เฮง - ห้องที่ ๘๙

ห้องเลขที่ ๘๙

       
  
          ปกติเราจะใช้เวลาอยู่กับคอมพิวเตอร์มากกว่า วันละ 10 - 12 ชั่วโมง วันนี้พอดีเกิดอาการความรู้สึกที่เบื่อ ทั้งเบื่อตัวเอง และเบื่อเหตุการณ์บ้านเมืองในสังคมปัจจุบัน

          เรามีชื่อว่า "เฮง" ชื่อนี้ไม่ได้เป็นชื่อที่พ่อแม่เราตั้งให้หรอก แต่เป็นชื่อที่อาจารย์ท่านหนึ่งเรียกเรา นับตั้งแต่วันนั้นมา ทุกๆคนรวมที่บ้าน เลยเรียกเราว่า "เฮง"

          เราไม่ใช่นักเขียนนิยาย หรือนักเขียนมืออาชีพ ไม่ได้เรียนจบทางด้านวารสารศาสตร์ หรืออักษรศาสตร์อย่างนักเขียนคนอื่นเขา แต่แค่เราอยากเขียน อยากเล่า อยากบอกมุมมองของเราให้คนอื่นได้รับรู้ด้วย เผื่อว่าจะมีสักประเด็นที่ตรงใจใครขึ้นมา

          เพราะฉะนั้นภาษาเขียนของเราในบางครั้งอาจจะไม่ใช่ภาษาเขียนที่ถูกต้องตามหลักภาษาไทย แต่เราเขียนด้วยความตั้งใจ และพยายามใช้ภาษาให้ถูกต้อง ไม่ใช่ภาษาวัยรุ่นในปัจจุบันที่ใช้กันอยู่ อย่างน้อยก็ช่วยเป็นส่วนหนึ่งที่เล็กๆ ในการใช้ให้ภาษาไทยให้ถูกต้อง

          เราก็เป็นคนคนหนึ่ง ที่เรียนจบปริญญาตรี ตามธรรมเนียมความนิยมของสังคมไทยว่า "ถ้าเรียนจบปริญญามาจะได้ไม่เหนื่อย มีงานทำที่ดี เป็นเจ้าคนนายคน" แต่ที่เราเห็น เพื่อนเราที่จบปริญญาตรีมาส่วนมากจะเป็นลูกจ้างเขาแทบทั้งนั้น น้อยคนนักที่ จะเป็นเจ้าคนนายคน แล้วแต่ละคนก็ไม่ได้ทำงานตามที่ตัวเองจบออกมาเลย ความเป็นจริงมันเป็นตามค่านิยมของสังคมบ้างไหม หรือถ้าไม่ แล้วทำไมผู้ใหญ่ที่อยู่ในสังคม ยังเดินทางเดิมอยู่อีกล่ะ ประสบการณ์ไม่ได้ช่วยอะไรจริงๆ หรือ

         เรื่องที่เราอยากเขียน อยากเล่า นั้นมีหลากหลายเรื่อง หลายแนว หลายเหตุการณ์ ซึ่งเป็นเรื่องจริง ประสบการณ์จริง ปัญหาจริงที่เกิดกับผู้คนมากมาย ที่เรามีโอกาสได้ไปรับรู้ปัญหาต่างๆ เหล่านั้น บางทีอยากบอกคนอื่น เพื่อจะได้เป็นข้อคิด เตือนสติ ในการใช้ชีวิต แต่เราไม่สามารถที่จะบอกให้ทุกคนหรือคนหมู่มากรับรู้ได้ เราเลยตัดสินใจสร้างบล็อก "ห้องเลขที่ ๘๙" หรือ room-eightynine.blogspot.com ขึ้นมา เผื่อว่าเรื่องที่เราเขียน จะมีใครบางคนเสริซเจอในกูลเกิลแล้วเข้ามาอ่าน มันอาจให้ข้อคิดกับเขาได้ เท่านั้นแหละที่เราต้องการ

          เฮง - ห้องเลขที่ ๘๙
         

          

          

 
 
Blogger Templates